คุณกำลังมองหาอะไร?

วามร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

05.02.2568
2
0
แชร์
05
กุมภาพันธ์
2568

วัตถุประสงค์และความเป็นมา

ข้อมูลภูมิหลังความร่วมมือภายใต้กรอบทวิภาคีไทย-ญี่ปุ่นด้านอนามัยผู้สูงอายุของกรมอนามัย เนื่องด้วยประชากรสูงอายุในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลไทยและองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ Japan International Cooperation Agency (JICA) จึงได้ร่วมมือกันขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งในระดับประเทศและในระดับท้องถิ่น โดยกรมอนามัย ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันโครงการทั้งหมด 3 โครงการ ได้แก่

1. โครงการพัฒนารูปแบบบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคมเชิงบูรณาการโดยชุมชนสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย หรือ Project on Community Based Integrated Services of Health Care and Social Welfare for Thai Older Persons (C-TOP) (พ.ศ. 2550 – 2554) ซึ่งเป็นการทดลองรูปแบบบริการด้านสุขภาพและสังคมเชิงบูรณาการ มีการพัฒนารูปแบบบริการทางด้านสุขภาพ โดยสถานการณ์ในญี่ปุ่นจะคล้ายกับประเทศไทย คือ หน่วยงานทางด้านสุขภาพและหน่วยงานทางสังคมเป็นหน่วยงานที่แยกออกจากกัน การบริหารจัดการเพื่อเชื่อมต่อสองหน่วยงานเข้าด้วยกันทำได้ยาก โดยในช่วงระหว่างการดำเนินโครงการ C-TOP ผู้แทนในหน่วยงาน JICA ที่ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่บุคลากรทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ได้สร้างรูปแบบบูรณาการทั้งหน่วยงานสุขภาพและหน่วยงานสวัสดิการทางสังคมเชื่อมต่อกัน ทั้งนี้ โครงการ C-TOP มีการดำเนินงานในพื้นที่นำร่อง ๔ แห่ง ขอนแก่น เชียงราย สุราษฎร์ธานี และนนทบุรี

2. โครงการพัฒนารูปแบบบริการระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพิงรวมทั้งกลุ่มอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน (Long Term Care) หรือ Project of Long – Term Care Service Development for the Frail Elderly and Other Vulnerable People (L-TOP) (พ.ศ. 2556 – 2560) ได้ระบุถึงความสำคัญของการจัดตั้งการดูแลระยะยาวที่มีชุมชนเป็นฐาน ให้สามารถเข้าถึงและใช้งานได้จริงสำหรับผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นที่รูปแบบการดูแลที่บ้าน รวมไปถึงการดูแลสุขภาพและการบริการทางสังคมไปพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีช่องว่างระหว่างแนวความคิดพื้นฐานและความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวอยู่ ทั้งนี้ กระทรวงที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นยังไม่สามารถหาวิธีการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดช่องว่างดังกล่าวได้ รวมทั้งแนวทางการพัฒนาระบบการดูแลที่เหมาะสมด้วย ซึ่งเหล่านี้ล้วนมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการเผยแพร่ไปทั่วประเทศ เพื่อเป็นการลดความไม่เท่าเทียมในการให้บริการการดูแลและหลีกเลี่ยงความเสื่อมถอยของคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โครงการนี้ได้รับการริเริ่มขึ้นเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะทางนโยบายโดยอ้างอิงจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงเพื่อลดช่องว่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น ข้อเสนอแนะทางนโยบายจะเป็นดังประเด็นต่อไปนี้

 

  • ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมหากไม่มีการสนับสนุนทางสังคมในเรื่องการดูแลระยะยาว รวมไปถึงการให้การสนับสนุนทางสังคมในการดูแลระยะยาว
  • ระบบการให้บริการ การดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่จำเป็นและเป็นไปได้
  • มุมมองด้านค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ของระบบการบริการ
  • มุมมองด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลากรในระบบการบริการ
  • ผลกระทบทางด้านการเงินของระบบการบริการ
  • สภาพแวดล้อมการอยู่อาศัย (สภาพบ้านเรือน) และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว

 

 

โดยโครงการ L-TOP มีพื้นที่โครงการ (6 แห่ง : เชียงราย ขอนแก่น นนทบุรี สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร) และนำไปใช้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิผล มีโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) และผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (Care Manager) ก็จะได้รับการพัฒนาขึ้นเช่นกัน

3. โครงการพัฒนารูปแบบบริการที่ไร้รอยต่อในระยะกึ่งเฉียบพลันสำหรับผู้สูงอายุ หรือ Project on Seamless Health and Social Services Provision for Elderly Persons (S-TOP) (พ.ศ. 2560 – 2565) ประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ได้มีการลงนามข้อหารือระหว่างกัน (Record of Discussion : RD) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 ในการดำเนินโครงการ S-TOP ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยระยะกลางที่มีอาการทางคลินิกผ่านพ้นวิกฤติและมีอาการคงที่แต่ยังมีความผิดปกติของร่างกายบางส่วนอยู่และมีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบบริการการดูแลที่ไร้รอยต่อตั้งแต่ระยะเฉียบพลันไปจนถึงระยะเรื้อรังผ่านการดูแลระยะกลางสำหรับผู้สูงอายุและประชากรกลุ่มเปราะบาง เป็นการดูแลแบบไร้รอยต่อ เน้นการดูแลระยะกลาง (Intermediate Care) การฟื้นฟูผู้ป่วยตั้งแต่โรงพยาบาลจนกลับสู่ชุมชน

 

การดำเนินงานของกรมอนามัย

 

  • เข้าร่วมการประชุมตามโครงสร้างการดำเนินงานคณะทำงาน (Working Team) คณะทำงานร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (Drafting Team: DT) และคณะทำงานวิจัย (Research Team: RT)
  • มีบทบาทเป็นผู้ประสานงานหลัก พื้นที่รับผิดชอบ 2 พื้นที่ ได้แก่ จ.เชียงใหม่ และ จ.นนทบุรี มีการลงพื้นที่เยี่ยมเสริมพลังในระดับพื้นที่ สนับสนุนองค์ความรู้ ตลอดจนสื่อประชาสัมพันธ์คู่มือแนวทางประกอบการดำเนินงานIntermediate Care
  • ได้รับสนับสนุนทุนฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งในประเทศไทยและในประเทศญี่ปุ่น อาทิเช่น ทุนฝึกอบรมหลักสูตร “3rd Online Training on Improvement of Seamless Service for Older Adults”/ หลักสูตร “Policy training for sustainable provision of Seamless health and social services for older persons” ณ ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
  • สนับสนุนงบประมาณให้ศูนย์อนามัยที่ 1- 12 ขับเคลื่อนการดำเนินงาน Intermediate Care ในชุมชนทุกจังหวัด
  • สำรวจสถานการณ์การดำเนินงาน Intermediate Care ในระดับพื้นที่
  • สรุปบทเรียนในระดับพื้นที่ต้นแบบ 4 แห่ง ได้แก่ นครราชสีมา ราชบุรี ลพบุรี และเชียงใหม่
  • จัดทำคู่มือแนวทางการดำเนินงานการส่งเสริมระบบ Intermediate Care in Community
  • ขับเคลื่อนและสนับสนุนให้เกิดการดำเนินงาน Intermediate Care ในระดับจังหวัด อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง

 

 

สถานะการดำเนินการ:

 

  • หลังจากจบโครงการ S-TOP ในปีงบประมาณ 2565 ปัจจุบันยังไม่มีโครงการใหม่ด้านผู้สูงอายุที่กรมอนามัยเข้าไปร่วมดำเนินการ

 

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน